กำจัดปลวกในประเทศไทย มีสองวิธีหลักๆ 1.การกำจัดปลวกด้วยสารเคมี 2. การกำจัดปลวกด้วยระบบเหยื่อ จากรูปจะเป็นการกำจัดปลวกด้วยระบบเหยื่อ ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ทำ ไม่ใช่แค่ซื้อจากเน็ตแล้วติดเหยื่อเอง ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง!!! …………………………………………….
ทั้งสองระบบจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
1. ข้อดีของระบบเหยื่อ คือจะกำจัดปลวกได้ตายถึงรัง แม้ปลวกจะหากินไกลจากรังถึง 40 เมตร แต่เมื่อมันเข้าโจมตีเหยื่อล่อกำจัดปลวกแล้ว ปลวกจะไม่มีทางทราบได้เลยว่าอาหารที่พวกมันนำไปป้อนให้กับทุกตัวในรังกิน มีสารที่ทำให้ปลวกไม่สามารถลอกคาบได้ปนอยู่ในอาหาร ดังนั้นแม้รังของปลวกจะอยู่ไกล วิธีการนี้ก็จะทำให้ปลวกตายถึงรังได้
2. ข้อเสียของระบบเหยื่อ เนื่องจากระบบเหยื่อไม่ต้องการให้ปลวกรู้ว่าอาหารมีสารพิษปนเปื้อนจึงออกแบบให้มีค่าความเป็นพิษที่น้อยจนไม่สามารถทำให้ปลวกตายทันที ระยะเวลาที่ปลวกตายคือประมาณ 2 – 3 เดือนเลยที่ดียว ดังนั้นวิธีการกำจัดปลวกระบบเหยื่อนี้จึงไม่เหมาะกับเจ้าของบ้านที่ใจร้อน
3. ข้อดีของระบบสารเคมี คือราคาไม่แพงเกินไป แต่เจ้าของบ้านอาจรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากกลัวความอันตรายของสารเคมีกำจัดปลวก แต่จริงแล้ว สารเคมีกำจัดปลวกมีความปลอดภัยที่สูงขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก และถ้าเลือกใช้บริษัทที่มีความชำนาญแล้ว เจ้าของบ้านแทบจะไม่มีความเสียงต่อการเกิดอันตราย
4. ข้อเสียของระบบเคมี คือในบ้านบางหลังที่ไม่ได้ติดตั้งระบบท่อกำจัดปลวก การจะนำเคมีไปยังใต้อาคารทางบริษัทจะต้องเจาะพื้นบ้านลูกค้าทำให้พื้นเป็นรอย นี้เป็นข้อเสียทีสำคัญของระบบนี้
อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าการป้องกันปลวกจึงมีความสำคัญยิ่งสำหรับทุกสถานะการ เพราะการป้องกันปลวก มีค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงถึงหลักล้านหรือหลายสิบล้านถ้าทิ้งอาคารให้ปลวกกินนานๆ ดังนั้นไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกรูปแบบไหนในการบริหารโรงแรม ได้โปรดอย่างลืมงานด้านการกำจัดปลวกด้วยนะครับ
บทความโดย
สราวุฒิ พราหมณ์ประยูร
บทความโดย
สราวุฒิ พราหมณ์ประยูร







